อำลา...อนุบาล 3/2




21 มีนาคม 2550 ตรงกับวันพุธ เสียงโทรศัพท์มือถือที่ตั้งเวลาปลุกไว้ที่ 06.00 น.ตะโกนบอกว่าได้เวลาตื่นแล้ว คุณพ่อกระโดดลุกจากเตียงพร้อมกันกับ Enter ด้วยเหตุผลที่เรามีภารกิจต้องทำแต่เช้า ตามที่ enter บอคุณพ่อไว้เมื่อเย็นวาน นั่นคือ ....ตัดผม ..ของEnter มีเหตุผลอะไรหรือทั้งๆ พี่สาว ก่อนที่จะไปลงทะเบียนเรียน summer เพิ่งจะพาน้องชายไปตัดผมทรงรองทรงสุดหล่อมาได้ไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ แต่แล้วก็ต้องหายสงสัยเพราะ enter บอกว่า "คุณครูบอกว่าผมยาว..จะไม่ได้ขึ้น ป.1" และวันนี้ คือวันที่โรงเรียนมีหนังสือแจ้งให้เด็กชั้นอนุบาลและประถมที่จะจบการศึกษาไปทำพิธีรับเกียรติบัตร ที่เรียกซะหรูว่า บัณฑิตน้อย เราไปถึงร้านตัดผมก่อนเวลา 7 โมงเช้าเล็กน้อย ช่างเจ้าของร้านนั่งรอลูกค้าอยู่คนเดียว ยังเช้าอยู่เราเลยเป็นลูกค้าคนแรก เจ้าของร้านกุลีกุจอมาต้อนรับก่อนจะอุ้ม Enter ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตัดผม ขณะที่คุณพ่อก็สั่งให้ตัดทรง Skin head เท่านั้น Enter ไม่แสดงอาการงอแงต่างจากทุกครั้ง แววตาท่าทางแสดงความตั้งอกตั้งใจและให้ความร่วมมือกับช่างเป็นอย่างดี ในเวลาไม่นาน Enter ก็เปลี่ยนสไตล์มาเป็น เจ้าเณรน้อย skin head อย่างสมบรูณ์ คุณพ่อกับ Enterกลับเข้ามาบ้านทานข้าวและแต่งตัวไปทำงานที่อำเภอเวียงแก่นตามปกติ เด็กสาวในที่ทำงานทัก Enter พร้อมกับอมยิ้มอย่างแปลกใจที่เห็นทรงผมเปลี่ยนไปจากวันวาน แต่ก็หายสงสัยเมื่อ Enter บอกว่าวันนี้ Enter จะไปงานรับบัณฑิตน้อย วันนี้ที่อำเภอมีผู้คนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการฝึกซ้อมสวนสนามของสมาชิก อปพร.และประชาชนบนพื้นที่สูงหรือชาวเขา ที่คุณพ่อนัดให้มาถ่ายรูปทำบัตรประจำตัวเพื่อจะเป็นคนไทยอย่างสมบรูณ์ ก็มากันอย่างหนาแน่น คุณพ่อขอตัวขึ้นไปพบท่านนายอำเภอ เพื่อรายงานความก้าวหน้าของงานที่ทำ ตบท้ายด้วยการขออนุญาตในตอนบ่ายเพราะจะพาลูกชายไปรับเกียรติบัตรของบัณฑิตน้อย ท่านนายอำเภอก็กล่าวชมและให้กำลังใจที่ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน Enter สงบเสงี่ยมเป็นพิเศษกว่าทุกวัน ก่อนเที่ยงเล็กน้อยคุณพ่อมอบหมายหน้าที่ให้ทีมงานเสร็จแล้วก็พา Enter มาทานข้าวขาหมูที่ร้านในตลาดอำเภอเวียงแก่น Enter เร่งให้คุณพ่อเร็วๆ ตลอดเวลา บอกว่าเดี๋ยว Enter ก็จะไม่ได้ขึ้น ป.1 ขณะที่คุณพ่อก็บังคับให้ลูกทานข้าวขาหมูให้หมดก่อน Enter ยิ่งออกอาการหนักขึ้น ทันทีที่เห็นรถกระบะปิคอัพที่ท้ายกระบะมีเด็กนักเรียนแต่งตัวชุดบัณฑิตน้อยโรงเรียนเดียวกับEnter พร้อมผู้ปกครอง นั่งอยู่ขับผ่านหน้าร้านข้าวมันไก่ที่เรานั่งทานกันอยู่ Enter เริ่มสมาธิฟุ้งซ่าน คุณพ่อต้องเร่งให้ทานข้าวให้หมด เพราะกลัวลูกจะเป็นลมเพราะตอนบ่ายอากาศอาจจะร้อนมาก ยิ่งตอนนี้ภาวะฝุ่นควันยังไม่จาง Enter คว้าช้อนตักข้าวขาหมูใส่ปากตัวเองอย่างไม่ยั้ง เพื่อทำเวลา เพราะคุณครูกำชับกำชานักหนาว่าให้มาถึงหอประชุมที่ว่าการอำเภอเชียงของ ที่เป็นสถานที่ทำพิธีตอนบ่ายโมง ทานเสร็จ ขณะนั่งอยู่ในรถกับคุณพ่อ Enter บ่นให้คุณพ่อได้ยินอีกว่าคงไม่ได้ขึ้น ป.1 แน่ๆ แต่พอจะแซงเจ้ารถปิคอัพคันเดิมที่ขับผ่านหน้าร้านข้าวขาหมูเมื่อกี้ Enter หัวเราะคิ้กๆ เพราะเห็นชัดๆ ว่าเด็กนักเรียนคนที่นั่งอยู่ท้ายรถปิดอัพคันหน้านี้ อยู่อนุบาล 3/1 แล้วเราก็แซงผ่านไป (คิดดู..ขนาดที่ตอนขับผ่านมา เรายังนั่งกินข้าวขาหมูอยู่เล้ย ขับเร็วไม่เร็วไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็น วีโก้ คอมมอนเร็ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ไม่ใช่ คอมมอนช้า อันนี้ Enter จะพูดบอกคนอื่นเสมอ) มาถึงบ้านที่เชียงของ จอดรถไว้ริมถนนหน้าบ้าน กระโดดออกจากรถเปิดประตูรั้วรีบวิ่งมาเปิดประตูบ้าน บอกEnter ไปแต่งชุดนักเรียนและใส่ครุยบัณฑิตน้อยเลย คุณพ่อก็มาเอากล้อง digital ไปด้วยตัวเดียวก็พอ กล้อง vdo ไม่เอาไปด้วยเพราะจะพะรุงพะรัง เผื่อ Enter ติดขัดอะไรจะแก้ไขได้คล่องตัวกว่า กลับมาช่วยลูกชายแต่งตัวเช็ดหน้าเช็ดตาให้ดูสดใส ทีแรกคิดจะทาแป้งให้แต่ก็เปลี่ยนใจ พอเดินออกบ้านจะเปิดประตูรถ ไอ้ปิคอัพคันเก่าวิ่งผ่านหน้าบ้านมาพอดี นึกในใจว่าเอาละวะ ถ้าไปสายอย่างน้อยยังไงก็มีเพื่อนละ ก็ทำให้อุ่นใจบ้าง ขับรถมุ่งหน้าไปที่หอประชุมอำเภอเชียงของ ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณที่ว่าการอำเภอ เริ่มมองเห็นซุ้มดอกไม้ ป้ายคัทเอาท์แสดงความยินดีที่จบการศึกษา นึกในใจ โห..ทำยังกับรับพระราชทานปริญญาโน่นเลย เวอร์หรือเปล่า ตัดสินใจไม่เอารถเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ จอดเอาไว้ข้างนอกตรงซอยหน้าอำเภอ แล้วจูงมือลูกเดินข้ามถนนเข้าไปตรงลานหน้าหอประชุมอำเภอ มีแม่ค้าตั้งโต๊ะขายช่อดอกไม้ มงกุฎดอกไม้ อยู่ข้างทางเดิน ก็เลยแวะเข้าไปซื้อให้ลูกชายหน่อย แม่ค้าบอกสำหรับท่านปลัดคิดราคาให้พิเศษ คุณพ่อก็นึกในใจว่าไอ้ราคาพิเศษเนี่ยตกลงมันถูกหรือแพงกว่าปกติ หรือแม่ค้าเค้าพูดกันไม่ให้เราต่อราคาหรือเปล่า แต่ก็ได้มงกุฎดอกไม้กับช่อดอกไม้ที่เป็นเข็มกลัดติดหน้าอกมาติดให้ Enter อย่างละอัน เวลาตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง คนยังไม่เยอะ ทักทายคุณครูและผู้ปกครองที่คุ้นกันเล็กน้อย แล้วก็พา Enter มาลงทะเบียนรายงานตัว ก่อนจะออกมาหามุมสวยๆ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บริเวณลานหน้าหอประชุมอำเภอ Enter ดีใจที่เจอเพื่อนๆ ห้องเดียวกัน ยิ่งเพื่อนถามว่า ทำไมมีดอกไม้ด้วย เอามาจากไหน ซึ่งเป็นธรรมดาของเด็ก Enter ยืดอกนิดนึงก่อนจะตอบคำถามเพื่อนๆ ว่าพ่อซื้อให้เราน่ะ งานนี้มีผู้ปกครองมากันเยอะ บางคนยกมากันทั้งบ้าน พ่อแม่ ยังไม่พอ พี่อีก ยิ่งคนที่มีน้องตัวเล็กๆ ก็หอบหิ้วกันมา เป็นที่ครึกครื้น ดูๆ ไป ตัวผู้ปกครองเองนั่นแหละที่ดูตื่นเต้นกว่าลูกตัวเองด้วยซ้ำ (ยกเว้นพ่อน้องEnter ฮ่าๆ..) ก็ถือโอกาสนี้พูดคุยกับผู้ปกครองคนอื่นถึงกิจกรรมช่วงปิดเทอม ส่วนใหญ่ไม่ไปไหนอยู่ที่บ้าน ส่วนน้อยให้เรียน summer ตอนนี้ก็เลยพา Enter ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ วานคนอื่นเป็นตากล้องให้ อ้าว ! หน่วยความจำในกล้องเต็มซะแล้ว คือกล้องที่ใช้มันเป็นของยี่ห้อโซนี่ หน่วยความจำที่ใช้บันทึกภาพเค้าเรียกว่า เมมโมรี่สติ้ก (Memory Stick) อันนี้เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของโซนี่ แน่นอนว่าราคามันย่อมแพงกว่ายี่ห้ออื่นที่ขนาดความจุเท่ากัน นี่ขนาดยังไม่เริ่มพิธีเลย ทำไงดีว้า ตอนนี้คอมพิวเตอร์ในหัวคุณพ่อทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหานี้ มีอาจารย์คนหนึ่งที่อยู่โรงเรียน sbac ที่มาแสดงนิทรรศการก็แสดงน้ำใจโดยแนะนำว่าให้ไปโหลดลงโนตบุคที่เต้นท์นิทรรศการได้เลย แต่มาคิดดูแล้วมันไม่สะดวกแน่นอน จึงบอกขอบคุณเค้าไป ลงท้ายก็พา Enter ไปนั่งรอพ่อที่หอประชุมก่อน แล้วคุณพ่อก็คว้าเอาแมงกะไซค์ ของเจ้าหน้าที่ในที่ว่าการอำเภอบึ่งไปร้านขายกล้อง ถอย memory stick ขนาด 128 mb ราคา 1,190 บาท (อย่างที่บอกนั่นแหละ กล้องยี่ห้ออื่นเค้าใช้แบบที่เรียกว่า SD card ขนาดความจุ 1 กิ้ก หรือประมาณ 4 เท่าของโซนี่ ราคาแค่ 760 บาทเอง แต่ที่ตัดสินใจเลือกโซนี่ เพราะเคยใช้แล้วมันทนTeenทนมือจริงๆ อายุการใช้งานนาน บอกเลยว่าทีวีโซนี่ รุ่นสิงห์ดำ ที่ใช้อยู่ในห้องครัว อายุมากกว่าลูกสาวคนโตน่ะ...... เชื่อมะ) แล้วก็ห้อกลับมาที่เดิม พอเจอหน้าพ่อลูกชายยังบ่นว่าพ่อไปนานอีก มันน่า..เบิ้ดกะโหลกซักป้าบจริงๆ ตอนนี้ก็บ่ายสองกว่าแล้ว ทางโรงเรียนก็ยังไม่เริ่มขั้นตอนใดๆ นอกจากในหอประชุมมีโปรเจคเตอร์บรรยายกิจกรรมของนักเรียน ผู้ปกครองบางคนเริ่มบ่น ตอนหลังได้คุยกับอาจารย์เจ้าของโรงเรียนจึงทราบว่าประธานคือรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตอนเช้าท่านบรรยายอยู่ที่ จ.พะเยา ออกมาแล้วตอนนี้ตรวจงานอยู่ที่ สพฐ.เขต 4 อ.เทิง เรื่องที่ ผอ.สพฐ.ถูกขับไล่ คาดว่าประมาณบ่ายสามโมงคงได้มอบเกียรติบัตร ซักพักครูก็เรียกนักเรียนไปเข้าแถว ตอนนี้ใครมีดอกไม้อะไรต้องเอาเก็บให้หมด แล้วก็ตั้งแถวเดินขบวนไปวัดศรีดอนชัยที่อยู่ติดกัน จนครู่ใหญ่ๆ เสียงดนตรีของวงดุริยางค์ก็นำแถวนักเรียนเดินเข้ามาในบริเวณงาน ผ่านซุ้มธงโรงเรียน นักเรียนรุ่นพี่ตั้งแถวกลัดช่อดอกไม้ให้บัณฑิตน้อย ตอนนี้คุณพ่อต้องพยายามหามุมกล้องเพื่อถ่ายรูปลูกชายตัวเองลำบาก เพราะคนเยอะมันก็เบียดเสียดกัน ต่างคนต่างก็อยากได้ภาพสวยๆ ของลูกตัวเอง ไอ้ลูกชายรึก็ตัวนิดเดียว กว่าจะหาเจอเกือบถ่ายรูปไม่ทัน จากนั้นบัณฑิตน้อยก็เข้าไปนั่งประจำเก้าอี้ตัวเองที่หอประชุมอำเภอ เพื่อเตรียมรับเกียรติบัตร ก็นั่งรอกันไป แต่จนแล้วจนรอด เป็นเวลากว่า 4 โมงเย็น ท่านประธานก็ยังไม่โผล่มา ช่วงระหว่างรอตอนนี้แหละเรียกว่าเป็นไฮท์ไลท์ของงาน อันนี้ว่าตามความรู้สึกของผู้ปกครองนะ เพราะการให้เด็กอนุบาลเข้าไปนั่งที่เดียวเป็นเวลานาน ลองคิดดูว่าจะโกลาหลขนาดไหน นึกถึงตอนนี้ ไม่รู้จะอธิบายภาพอย่างไร เด็กบางคนก็หิวน้ำ พ่อแม่ต้องเดินเอาน้ำไปส่งให้ บางคนปวดฉี่ ก็วิ่งออกมาหาห้องน้ำ บางคนก็เล่นหยอกกัน แต่พ่อเห็น Enter นั่งหลับนะ คุณครูต้องแก้เกมส์ด้วยการมานั่งประกบที่แถวนักเรียนเลยเพื่อเป็นกำลังใจคอยบอกว่าเดี๋ยวท่านประธานก็มา จนในที่สุดประมาณสี่โมงกว่าๆ ท่านประธานก็มาถึงจริงๆ พิธีการจึงเริ่มขึ้นตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ บัณฑิตน้อยแต่ละคนเดินมารับเกียรติบัตรอย่างเป็นระเบียบและดูน่ารักน่าเอ็นดู คนที่รับเสร็จเรียบร้อยก็จะต้องวนกลับมานั่งเก้าอี้เดิมของตน จนถึงนักเรียนชั้นมัธยม ซึ่งเป็นเด็กโต่จะรับหลังสุด ตบท้ายด้วยการแสดงของนักเรียนแต่ละชั้นด้วยลีลาสวยงาม เพราะผ่านการฝึกซ้อมมาเต็มที่ แต่ตอนนี้เวลาเกือบบ่ายห้าโมงเย็นแล้ว ความโกลาหลเริ่มขึ้นอีกครั้ง เพราะผู้ปกครองที่อยู่บ้านไกลรวมทั้งเด็กนักเรียนไม่อยากจะนั่งต่อแล้วละ ผู้ปกครองบางคนพาลูกไปเสริมสวยแต่งหน้าแต่งตาตั้งแต่ไก่โห่ ตอนเที่ยงก็ทานเล็กน้อย เด็กก็เริ่มหิว เริ่มงอแง มันเลยทำให้ คนข้างบนเวทีก็แสดงกันไป คนอยู่ข้างล่างเด็กโตก็ยังอยู่ในอาการสงบ เด็กเล็กก็กระจองอแง ผู้ปกครองเด็กเล็กหลายคนเรียกลูกตัวเอง แล้วพากลับบ้านโดยไม่รอให้จบรายการ ขณะที่คุณครูต้องรีบมานั่งประกบในแถวนักเรียนเพราะอยากให้นักเรียนนั่งอยู่จนเสร็จงาน แต่ก็ไม่สำเร็จ ก็เหลือแต่เด็กมัธยมบางส่วน ตรงนี้จะไปว่าผู้ปกครองทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะเวลาไม่เป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้ ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปหมด ส่วนพ่อก็ต้องมีภารกิจไปรับลูกสาวที่กลับจากเชียงใหม่มาลงรถที่เชียงราย ซึ่งก็ต้องพาน้องไปอาบน้ำทานข้าวแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไป เพราะขากลับอาจจะดึก มาถึงบ้านจะได้ไม่ต้องเป็นภาระอีก ก็เลยขออนุญาตคุณครูพาน้องกลับก่อน สรุปว่างานนี้ทางโรงเรียนได้คะแนนที่สามารถสร้างความประทับใจจากพ่อไปเต็มๆ แม้ว่าตอนพ่อเรียนอนุบาลไม่เคยมีเกียรติบัตรไม่มีงานบัณฑิตน้อย แต่เมื่อมาเป็นพ่อ จึงไม่ยอมให้ลูกเสียโอกาสดีดีนี้ไป ด้วยหวังว่าอย่างน้อยกิจกรรมดีดีอย่างนี้จะช่วยสร้างให้ลูกของพ่อ.... เป็นคนดี