วันที่คุณย่าพักผ่อน

ตั้งแต่เรามีหลานให้คุณแม่ ผมก็เลยพลอยเรียกท่านว่าคุณย่าตามหลานๆ ไปด้วย ท่านมีพื้นเพเป็นคนเวียงเก่าหรืออำเภอเชียงแสนในปัจจุบัน ความที่ท่านมีสามีเป็นตำรวจตระเวณชายแดน ทำให้ต้องโยกย้ายที่อยู่ตามคุณพ่อไปด้วย ทั้ง อ.แม่สาย อ.แม่จัน บางครั้งต่างจังหวัดหลายที่และสุดท้ายจึงลงหลักปักฐานที่บ้านโจ้โก้ อ.เชียงของ ซึ่งบ้านที่ปลูกก็อยู่ตรงข้ามกับฐานปฏิบัติการของ ตชด.ที่คุณพ่อทำงานนั่นก็ประมาณสี่สิบกว่าปีมาแล้ว หลังจากคุณพ่อเสียชีวิตเมื่อปี ๒๕๒๘ คุณแม่ท่านเลยย้ายกลับไปอยู่กับคุณแม่ของท่าน(คุณยายของผม)ที่บ้านเชียงแสนนับตั้งแต่นั้นมา

คุณย่าเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนไปรับจ้างในไร่ยาสูบ จึงทำให้ท่านเป็นผู้สูบบุหรี่ตั้งแต่วัยสาว และนี่แหละที่เป็นสาเหตุสำคัญให้ท่านต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลในยามที่อายุมาก แต่ไม่ใช่ว่าก่อนนั้นไม่เจ็บป่วย เพียงแต่ท่านปฏิเสธโรงพยาบาล และมีคำตอบให้กับความเจ็บป่วยว่าไม่ได้เกิดจากยาสูบแต่อย่างใด

จนเมื่ออายุแปดสิบปี อาการท่านทรุดหนักจนโรงพยาบาลอำเภอส่งต่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดด้วยอาการเหนื่อย ความดันโลหิตต่ำ จากการรักษาที่ห้องกึ่งไอซียู แล้วย้ายมาห้องไอซียู ในคืนเดียวกัน จนเวลาประมาณบ่ายสองโมงของวันรุ่งขึ้น จึงเป็นเวลาที่ท่านได้พักผ่อนอย่างสงบตลอดไป

เกิด แก่ (เจ็บ) ตาย หรือ ชาติ ชรา มรณะ  เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน การจัดงานให้คุณย่าผ่านพ้นไปแล้ว คงเหลือแต่ความประทับใจที่มีต่อผู้คน จนอดไม่ได้ที่อยากนำมาถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ เหล่านั้นไว้ในที่นี้

"วิสูตร" เพื่อนที่ดูแลทุกรายละเอียด วันที่คุณย่าเข้าโรงพยาบาล ผมเองออกจากบ้านมาก่อนเพราะมีประชุมที่จังหวัด รวมทั้งติดต่องานอื่นอีก พอคุณย่าต้องนอนโรงพยาบาล ผมซึ่งไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนจึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวใดๆ โชคดีที่ "วิสูตร" ทำงานที่นี่ เข้ามาดูแลตั้งแต่คุณย่าอยู่ห้องฉุกเฉิน แล้วส่งตัวไปห้องกึ่งไอซียู วิสูตรอธิบายว่าคล้ายกับห้องไอซียูแต่ญาติเฝ้าไข้ได้ สรุปว่าคืนนี้ผมสามารถนอนเฝ้าคุณย่าได้ พอเจ้าหน้าที่เข็นเตียงไปถึงพบว่าเป็นห้องรวมของคนไข้ที่อาการค่อนข้างหนัก โดยสังเกตุได้จากคนไข้แต่ละคนจะมีสายท่อต่างๆ สวมอยู่มากน้อยต่างกันไป มีญาติทั้งที่มาเยี่ยมและมาเฝ้าอยู่กันแน่นขนัด ที่ล้อมวงทานข้าวตรงระเบียงก็เยอะ คนไข้ที่อยู่เตียงติดคุณย่า เป็นผู้หญิงอายุห้าสิบปีมาคนเดียว ไม่ได้นั่งรถเข็นหรือเตียง แต่เดินมาเองตัวปลิวเชียว พอขึ้นบนเตียงแกก็พูดของแกอยู่คนเดียว แล้วก็ค้นห่อข้าวออกมาทานพร้อมกับชวนผมทานด้วย ก็ได้คำแนะนำจากคุณป้าคนนี้แหละแกบอกว่าดึกๆมาถ้าง่วง ให้ไปนอนตรงระเบียงนั้นได้เลยเค้าไม่ถือสากันหรอก เหมือนเป็นวัฒนธรรมของญาติคนไข้ที่สะดวกตรงไหนนอนตรงนั้น ไม่มีใครว่าใคร ซึ่งก็จริงเพราะแอบสังเกตุเกือบทุกพื้นที่ของตึกนี้ จะมีบรรดา "ญาติ" ผู้ป่วยนั่งๆนอนๆ เต็มไปหมด คงเป็นเพราะผมยังแปลกใหม่กับสถานที่นี้ด้วยแหละ คุยอยู่กับคุณป้าได้พักเดียว เพื่อนวิสูตร ก็กลับมาพร้อมกับหอบของมาพะรุงพะรัง พอวางของลงตรงใต้เตียง แกก็ไปดูแลคุณย่าดูผ้าห่ม เปลี่ยนขวดปัสสาวะ อะไรต่อมิอะไรอย่างคล่องแคล่ว เป็นความหมายว่าทำให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้ผมจะได้ทำเป็นนั่นแหละ เสร็จแล้วก็หันมาแจกแจงว่าได้เตรียมผ้าห่มมาให้เผื่อกลางคืนอาจหนาว ผ้าเช็ดตัวเอาไว้อาบน้ำพร้อมสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน (ซื้อมาใหม่) พร้อมกับชี้บอกทางไปห้องน้ำ แล้วนี่ก็ข้าวกล่องมื้อเย็น ส่วนมื้อเช้าพรุ่งนี้จะเตรียมมาให้ ส่วนนี่ก็ขวดน้ำดื่ม แต่ที่ทำให้รู้สึก "อึ้ง" ไปเลยก็อีตอนที่แกควักเอาเบียร์กระป๋องออกมายื่นให้บอกว่าก่อนมาทานข้าวเย็นกับลูก(ได้ยินอย่างนั้นจริงๆนะ ไม่ได้บอกว่าทานกับลูกกับเมีย) ล่อมาแล้วขวดนึง ที่เอามาฝากเพื่อไม่อยากให้เพื่อนเครียดน่ะ ส่วนเรานึกในใจว่าแน่ใจรื้อ นั่งดื่มเบียร์ในห้องผู้ป่วยและมีญาติผู้ป่วยอยู่กันแน่นขนัดเนี่ยนะ แล้วยังมีพยาบาลเดินลาดตระเวณตลอดเวลา เค้ามาเจอมิโดนกระทืบหรือ ก็ได้รับคำยืนยันว่า ดื่มได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ เหตุผลเพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ อ้าว! เจอมุกนี้เข้า จึงต้องสนองศรัทธาเพื่อนซะหน่อย อืม..รสชาดมันใช้ได้ทีเดียวเชียว เลยถือโอกาสขอบคุณเพื่อนตรงนี้ซะเลย ส่วนที่ไม่ได้เอารูปมาลงด้วยก็เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้เพื่อนถูก ผอ.โรงพยาบาลฯ กระทืบเพราะไอ้เบียร์กระป๋องนี้แหละ..5555

เยาวชนร่วมแสดงในคืนสวดอภิธรรมคืนที่สอง

 P1100102 

 P1100106P1100120

รองเท้ายายคำป๋อน,

เตรียมอาหารวันสุดท้าย

P1100131

,เทศนาธรรมคืนสุดท้าย,

P1100167

กลุ่มเพื่อนเชียงของเพียบ

P1100196

,เพื่อนสามัคคี

 P1100286

ห่อข้าวหนึ่งร้อยห่อ:กุศโลบายอันแยบยลของคนมะเก่า

 

P1100308

Comments