สืบชะตาแม่น้ำโขง:ในมุมของคนทำงาน
ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ประสานงานด้านต่างประเทศ(สปป.ลาว) และจัดสถานที่ เวที ขบวนแห่ทางบก ขบวนแห่ทางน้ำ สำหรับการจัดงานพิธีสืบชะตาแม่น้ำโขง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม เราประชุมหารือหลายครั้งกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน กว่าจะ design รูปแบบออกมาได้
ตรงนี้เป็นสภาพเดิมก่อนจัดงาน ซึ่งกำหนดเวทีกลาง หมู่บ้านชนเผ่า เต้นท์ประธานและผู้ร่วมงาน เต้นท์จัดนิทรรศการ เต้นท์โรงครัว ภาพนี้ก่อนจัดงานไม่กี่วันเอง
หลายฝ่ายลงพื้นที่เตรียมงานกัน ประมงนำพันธุ์ปลาที่จะปล่อยมาใส่กระชัง เป็นปลาตะเพียนขาว จำนวนล้านกว่าตัว ตามโครงการ "ผู้ว่าเพาะพันธุ์ ชาวบ้านอนุรักษ์" หมู่บ้านชนเผ่า จำนวน 5 เผ่าประกอบด้วย ไตลื้อ(สิบสองปันนา) พื้นเมืองล้านนา ม้ง ขมุ ลาหู่(มูเซอ) ระดมสรรพกำลังกันเต็มที่ แทบจะยกหมู่บ้านมาทีเดียว ไฮไลท์ของหมู่บ้านชนเผ่าที่นอกจากจะมีลักษณะของหมู่บ้านที่ไม่เหมือนกันแล้ว แต่ละหมู่บ้านจะอุบไต๋ไว้สำหรับวันงานที่จะแสดงวิถีชีวิตของชนเผ่า ที่สืบทราบมาเห็นว่าเผ่าม้งจะนำหมูน้อยมาเลี้ยง แล้วจะเชิญหมอผีมาทำพิธีคล้ายๆ กับสู่ขวัญพอเสร็จก็เอาหมูน้อยนั่นแหละมาทำเป็นอาหารเลี้ยงคนร่วมงาน ไตลื้อจะแสดงวัฒนธรรมการทอผ้าที่ตกทอดกันมายาวนาน อย่างนี้เป็นต้น โดยเรามอบการบ้านว่าให้มีบ้านและวิถีชีวิตชนเผ่า ส่วนฝ่ายเวทีกับเต้นท์มาค่อนข้างช้า อ้างว่าอากาศร้อนซึ่งมันก็ร้อนอย่างสาหัสจริงๆ กว่าจะพากันมาตั้งเต้นท์ได้ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม จำนวนเต้นท์ทั้งหมด 25 เต้นท์(ซึ่งวันงานแล้วปรากฏว่าต้องเพิ่มอีก 3 เต้นท์) ในส่วนขบวนแห่ทางเรือเนี่ย เราต้องเตรียมเรือสำหรับประธานและผู้มีเกียรติ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนมา 2 ลำ เรียกว่าเป็นเรือบั้ก ซึ่งสำหรับขนส่งรถบรรทุกใหญ่เช่นรถน้ำมัน รถคอนเทนเนอร์ ซึ่งเรือก็ต้องประดับประดา ตรงนี้มอบให้ สมาชิก อส. แสดงฝีมือเต็มที่ เราจะดูในรายละเอียดบางเรื่อง เช่น ธงชาติประเทศ สปป.ลาว อันนี้เลยสั่งให้ อส.ข้ามไปฝั่งโน้น ซื้อใหม่เลย เอาไว้ประดับบนเวทีใหญ่และตรงเรือของท่านประธาน สำหรับเรือบริวาร(เรือเล็ก) จำนวน 30 ลำ มอบให้กำนัน ต.เวียง ไปจัดเรือพร้อมคนนั่งถือตุง ลำละ 5 คน รายรอบเรือประธาน โดยให้เรือ นรข.กับ ตร.น้ำ นำขบวน การแสดงบนเรือประธาน ให้ผู้ใหญ่ต๋อยรับไปรวมเครื่องเสียงด้วย การตกแต่งบนเวที มอบอาจารย์ รร.เชียงของวิทยาคม ที่ซึ้งใจคือเพื่อนไพรวัลย์กับสามีที่เป็น หน.เกษตรที่สูงภูชี้ฟ้า ขนต้นไม้มาช่วยแต่งบนเวทีอีกโดยไม่ได้เอ่ยปาก แถมวันงานไพรวัลย์ยังตัดไม้ใบดอกไม้มาประดับโพเดี้ยมให้อีกแน่ะ โอ..ช่างมีน้ำใจจริงๆ กว่าสองทุ่มเรายังอยู่ในงานดูความเรียบร้อยของสถานที่อยู่ บริเวณเต้นท์ให้เสมียนตราอำเภอกับน้องๆ นำผ้าประดับประดา สมาชิก อส.ที่มาช่วยงานตั้งแต่เช้าให้กลับไปกองร้อยทานข้าวปลาเพราะเห็นว่าเริ่มล้าแล้ว แล้วจ้างกรรมกรมาทำงานแทนอีก 5 คน ผมใช้เวลาตอนนี้ดูฝ่ายต่างๆ ทำงานกัน พราหมณ์ที่ทำพิธีบวงสรวงพร้อมทีมงานวัยรุ่นหลายคนจัดเครื่องสักการะเกือบเสร็จ เข้าไปพูดคุยด้วยวัยรุ่นบอกคืนนี้นอนที่นี่ และถือโอกาสขออนุญาตไปนอนบ้านชนเผ่าซะเลย พอเห็นว่างานส่วนใหญ่เรียบร้อยดีก็เตรียมจะกลับบ้านพักผ่อน
ขณะกำลังจะกลับ จู่ๆ ไอ้ที่สังหรณ์ใจไว้ กลัวนักกลัวหนาว่ามันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นท้นที มรสุมฤดูร้อนที่ไม่ได้รับเชิญครับพี่น้อง มันมาโดยไม่ได้นัดหมาย ที่เหลือแทบไม่ต้องคิด มันหอบเอาเต้นท์ปลิวยกเป็นหลังๆ ไปเลย หลังไหนที่ไม่ได้ผูกผ้าใบติดโครงหลังคาค่อยยังชั่ว ที่ลมพัดเอาหลังคาไปเหลือแต่โครงเหล็ก ที่สำคัญเวทีใหญ่ ที่ให้ อส.ไปซื้อสแลมป์สีดำในตอนบ่าย เพื่อลดแรงปะทะของลมก่อนจะเอาไวนิลฉากของงานไปติด กลับกลายเป็นแผงต้านลมอย่างดีที่ทำให้แรงลมที่มาจากด้านหน้าเวทีผลักโครงเหล็กของเวทีให้งอพับไปด้านตรงข้ามอย่างง่ายดาย ต่อหน้าต่อตา คุณป้าที่คุมลูกน้องมาทำเวทีตะโกนเรียกลูกน้องเสียงดังสนั่นเหมือนคนเสียสติ ตอนนั้นลูกน้องพากันออกไปข้างนอกกันหมดเหลือแกคนเดียว สำหรับเต้นท์อื่นๆ ทยอยปลิวไปทีละหลังๆ ส่วนที่เรือบั้กมีสภาพไม่ต่างกัน โชคดีมากที่ผ้าใบที่ตกน้ำ อส.ผูกติดไว้กับโครงเต้นท์ด้านหนึ่ง จึงไม่ถูกน้ำพัดไป พราหมณ์ที่เตรียมพิธีบวงสรวง ต้นกล้วยต้นสารพัด ฉัตรฯลฯ ระเนระนาด รถผมจอดอยู่บนลานตัวหนอนข้างบน (รูปใหญ่ที่ 4 ข้างบน คันที่จอดหน้าเกสต์เฮาส์สีเหลือง) ติดกับเต้นท์พยาบาล หวุดหวิดไป เต้นท์สามหลังที่วางใกล้รถผม ลมพัดหลังหนึ่งถอดเสาออกเลย อีกสองเต้นท์เคลื่อนที่เหมือนมีขาเดินได้ แต่แปลก ขนาดรถผมอยู่ใกล้ไม่ถึงสามเมตร มันขยับออกไปด้านข้างรถผมเฉยเลย ซึ่งถ้าหากเต้นท์หลังนี้ เคลื่อนไปชนรถผมคงได้แต่ยืนมอง ช่วงเวลาสำคัญนั้นเสียงลมเสียงสิ่งของเต้นท์ที่ระเนระนาดสับสนไปหมด ครั้งแรกผมวิ่งไปที่รถตั้งใจว่าจะขับรถออกจากตรงนั้นเพื่อหลบเต้นท์ที่จะทับรถ เป็นเวลาเดียวกับน้องๆ ผู้หญิงจาก สนง.วัฒนธรรม ห้าหกคนวิ่งหลบพายุผ่านมาทางผมพอดี ท่าทางตกใจสุดขีด แต่ละคนปากคอสั่น ผมนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ พอเห็นน้องๆ เลยดับเครื่อง บอกให้วิ่งมาแทรกอยู่ระหว่างรถผมกับกำแพงโรงแรม ซึ่งบอกน้องๆ ว่าให้ตั้งสติให้ดี อยู่ตรงนี้ปลอดภัยที่สุด เดี๋ยวหากลมสงบค่อยออกไป น้องบางคนคุ้นหน้าผม เพราะระหว่างที่เตรียมงานผมรับผิดชอบตรงนี้ สรุปว่าทุกคนอยู่ ผมไม่ได้ขยับรถ อยู่กับเขา จนลมสงบ น้องๆ ก็ออกไปที่พัก ส่วนผมสำรวจความเสียหาย ภาพที่เห็นก็อย่างเงี๊ย...
ผมรายงานผู้บังคับบัญชาให้ระดมสรรพกำลัง อส. ทพ. นรข. ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนหกโมงเช้าทุกหน่วยเข้าพื้นที่ ตรงนี้แหละที่ผมเห็นความมีน้ำใจและรับผิดชอบของทุกฝ่าย อย่างแข็งขันจริงๆ จนพลิกฟื้นสถานการณ์ให้เหมือนเดิมก่อนเวลาเก้าโมงเช้า อย่างไม่น่าเชื่อ
วันงานมาถึง กำหนดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เอาเป็นว่าต้องรับแขกหลายคณะ ท่านผู้ว่าฯ ที่มาก่อน คณะสปป.ลาว ท่านรัฐมนตรี ฯลฯ ในส่วนขบวนเรือ ผมเป็นผู้กำกับเรือทุกลำเพื่อให้รูปขบวนออกมาดูสวยงาม(ภายหลังตอนส่งคณะ สปป.ลาว ภูมิใจกับคำพูดว่า จัดได้อลังการณ์หลาย )
งานเลิกเย็นวันที่ 9 พค. วันที่ 10 พค.ตอนเย็น ผมลงไปอีกครั้ง ขยะที่ทิ้งไว้ ไร้คนรับผิดชอบ โต๊ะหนึ่งตัว พรมผืนใหญ่ของบ.ฟ้าไชโยที่ยืมมา ผม ว.บอก อส.ให้นำโต๊ะไปเก็บ บอก บ. ฟ้าไชโย ยกพรมกลับ สำหรับผม แม้ไม่มีคำขอบคุณใดๆ ทั้งๆ ที่ในเวลาเดียวกันหลายๆ คนหน้าบาน รับคำชมเชย ก็ตาม ด้วยสำนึกของความเป็นคนเชียงของ เต็มใจและยินดีที่จะ ".. ก้มหัว เป็นงัวงาน.." เพียงขอให้เชียงของบ้านเรา มีคนได้ยินและรู้จัก....ก็พอ/.
Comments